จอ CRT คืออะไรและทำไมจึงเคยเป็นที่นิยม?
Key Takeaways:
- จอ crt คือ จอภาพ Cathode Ray Tube ใช้ท่อรังสีแคโทด
- เคยเป็นที่นิยมเพราะมีอัตราความคมชัดสูง, เวลาตอบสนองเร็ว และสีสดใส
- ข้อเสีย: ใหญ่, หนัก, และใช้พลังงานมาก
- ถูกแทนที่ด้วยจอ LCD และ LED ที่บางและประหยัดพลังงานกว่า
- ยังคงใช้ในบางอุตสาหกรรมที่ต้องการความแม่นยำของสี เช่น การแพทย์
- เทคโนโลยีใหม่ๆ: OLED และ QLED กำลังเข้ามาแทนที่
- เลือกจอภาพควรคำนึงถึงความคมชัด, ความเร็วในการตอบสนอง และการประหยัดพลังงาน
จอ CRT คืออะไร และทำไมมันเคยครองตลาดจอภาพอย่างไร้นั้นเหรอ? คำตอบอยู่ในแบคทีเรียดใหม่ของจอภาพนี้เอง! จากปี 1920s จนถึงยุคปัจจุบัน จอ CRT หรือ Cathode-Ray Tube นั้นเคยเป็นที่ชื่นชอบของทุกบ้าน ตั้งแต่ทีวีจนถึงคอมพิวเตอร์ เมื่อนึกถึงความคุ้มค่าด้านภาพและความทนทานของมัน ผู้คนยุคเก่ายังถวิลหากลิ่นอายยุคเก่า อ่านต่อเพื่อศึกษาเหตุผลที่จอภาพนี้เคยได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย!
จอ CRT คืออะไรและทำไมจึงเคยเป็นที่นิยม?
จอ CRT คืออะไรและประวัติ
จอ CRT คืออะไร? จอ CRT หมายถึง Cathode Ray Tube เป็นจอภาพที่ใช้มาก่อนจอ LCD และ LED ในการทำงานของจอ CRT ใช้ปืนอิเล็กตรอนยิงลำแสงไปยังหน้าจอที่เคลือบด้วยฟอสฟอรัส เมื่อฟอสฟอรัสถูกลำแสงอิเล็กตรอนมันจะส่องแสง จุดเล็กๆ เหล่านี้คือพิกเซลบนหน้าจอ ความเร็วในการยิงลำแสงมีผลให้เกิดภาพเคลื่อนไหว ด้วยการรีเฟรชหลายครั้งต่อวินาที ส่งผลให้ได้ภาพที่คมชัดและสีสันสดใส
ทำไมจอ CRT จึงเคยเป็นที่นิยม
เรามาดูกันว่าทำไมชนิดของจอภาพอย่าง CRT จึงเคยเป็นที่นิยม อันดับแรก จอ CRT มาพร้อมกับอัตราความคมชัดสูงและเวลาในการตอบสนองที่รวดเร็ว เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเล่นเกมหรือการออกแบบกราฟิก อย่างไรก็ตาม ความหนาและน้ำหนักจอป่วยพอให้ซีด เพราะมันใหญ่ หนัก และกินไฟมากกว่าจออื่นๆ ตอนนี้จอ LED มีประสิทธิภาพดีกว่าและใช้พลังงานน้อยกว่า ทำให้จอ CRT ค่อยๆหายไป
จอ CRT และเปรียบเทียบกับ CRT TV
จอ CRT และ CRT TV แตกต่างกันไหม? คำตอบก็คือมีความคล้ายกันแต่ก็ไม่แน่นอนในกรณีการใช้งาน จอ CRT ใช้ในคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ ส่วน CRT TV เป็นที่นิยมในทีวีเก่า เมื่อเปรียบเทียบกับจอ LCD หรือ LED ประโยชน์ของ CRT TV คือสีที่แม่นยำกับความคมชัดที่สูง เช่นเดียวกับในโรงพยาบาลเพื่อการถ่ายรูปรังสี แต่ในตลาดปัจจุบัน จอ LCD และ LED ได้เข้ามาแทนที่อย่างที่เห็นในชีวิตประจำวันของเรา
ประวัติจอ CRT และพัฒนาการของเทคโนโลยีจอภาพ
จุดเริ่มต้นของจอ CRT
จอ CRT คือจอภาพที่ใช้ท่อรังสีแคโทด มันเริ่มใช้ในโทรทัศน์และคอมพิวเตอร์ยุคแรก การทำงานของจอ CRT คือการใช้ปืนอิเล็กตรอนยิงลำแสงสู่ฟอสฟอรัสบนจอ ฟอสฟอรัสประกอบด้วยพิกเซลที่สามารถส่องแสงสร้างภาพ เมื่อยิงลำแสงซ้ำๆ ด้วยความเร็วสูง จะเกิดภาพเคลื่อนไหว
พัฒนาการและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง
เมื่อ CRT เริ่มพัฒนา เทคโนโลยีการยิงสัญญาณก็เจริญตาม ข้อดีคือความคมชัดสูงและการตอบสนองเร็ว เหมาะสำหรับ fps เกมกราฟิก ฟอสฟอรัสที่จอสร้างสียิ่งทำให้ดูสนุกขึ้น แต่มีข้อเสียคือหนักและกินไฟมาก
การลดลงของจอ CRT
จอ CRT เริ่มเสื่อมความนิยมเนื่องจากจอ LCD และ LED ซึ่งให้ภาพคมชัดและบางกว่า ตลาดหันใช้จอ LCD และ LED เพราะเบากว่าและกินไฟน้อยกว่า แต่บางอุตสาหกรรม เช่น การแพทย์และโทรทัศน์ ยังใช้ CRT เพราะสีแม่นยำ บริษัทแนะนำเว็บแคมที่ใช้เทคโนโลยีการแสดงภาพที่ดีขึ้น เช่น A4tech และ Logitech
วิธีการทำงานของจอ CRT
หลักการทำงานของหลอดรังสีแคโทด
จอ CRT คืออุปกรณ์ที่ใช้หลอดรังสีแคโทดในการแสดงภาพด้วยการยิงลำแสงอิเล็กตรอนไปที่หน้าจอ หลอดนี้ใช้พลังงานไฟฟ้าเพื่อนำอิเล็กตรอนไปยังตรงกลางของจอภาพ เมื่ออิเล็กตรอนถูกยิงออกมา มันจะพุ่งไปที่หลอดภาพที่เคลือบด้วยฟอสฟอรัส ภายในหลอดรังสีแคโทดจะมีแผ่นกระจกที่สะท้อนลำแสง ซึ่งช่วยในการนำไปสู่ตำแหน่งที่เหมาะสมบนหน้าจอ การตั้งค่าและการควบคุมเหล่านี้ทำให้เราสามารถเห็นภาพที่เกิดขึ้นได้
การแสดงภาพด้วยฟอสฟอรัส
เมื่อหลอดรังสีแคโทดยิงลำแสงอิเล็กตรอนไปยังหน้าจอที่เคลือบด้วยฟอสฟอรัส จอ CRT คือสิ่งที่ทำให้เกิดการเปล่งแสงของฟอสฟอรัสแต่ละจุด การกระทบของลำแสงกับจุดต่าง ๆ ทำให้เกิดแสงที่แตกต่างกัน ทำให้เรามองเห็นสีและเฉดสีต่าง ๆ ได้ ภาพที่ปรากฏไม่ได้เป็นภาพจริงทั้งหมด แต่เป็นผลจากการผสมแสงที่เปล่งออกมา ซึ่งฟอสฟอรัสสามารถส่องแสงเพื่อสร้างสีสันมากมาย
การรีเฟรชและการสร้างภาพเคลื่อนไหว
จอ CRT คือจอที่ใช้การรีเฟรชหลายครั้งต่อวินาทีเพื่อสร้างภาพเคลื่อนไหว ความเร็วในการรีเฟรชส่งผลต่อความคมชัดของภาพเคลื่อนไหวที่เราเห็น จอภาพจะทำการสแกนทั้งหน้าจอในเวลาเดียวกันเช่นนี้ ซึ่งทำให้เห็นภาพต่อเนื่องในการรับชม ภาพเคลื่อนไหวสำหรับเกมหรือวีดีโอจึงคมชัดและตอบสนองได้ดี แต่ในขณะที่มีข้อดีในการแสดงภาพที่คมชัด ยังคงมีข้อเสียเรื่องการใช้พลังงานและความหนาของตัวเครื่องที่มากขึ้น
ข้อดีและข้อเสียของการใช้จอ CRT
ข้อดีของการใช้จอ CRT
จอ CRT หรือ Cathode Ray Tube คือจอที่เคยนิยมเพราะมีข้อดีหลากหลาย มีอัตราความคมชัดสูง ให้ภาพที่สดใสและสมจริง การแสดงผลสีที่แม่นยำทำให้เหมาะกับงานกราฟิกและตัดต่อภาพยนตร์ เวลาตอบสนองของจอ CRT รวดเร็วมาก มีความสำคัญกับการเล่นเกมและวิดีโอที่เคลื่อนไหว มีความทนทานสูง ไม่แพ้แสงแดดหรือชำรุดง่าย ราคาพอสมควรเมื่อเทียบกับจอแบบใหม่
ข้อเสียและข้อจำกัดของจอ CRT
จอ CRT ดูใหญ่และมีน้ำหนักมาก ทำให้เคลื่อนย้ายยาก ใช้พื้นที่มากบนโต๊ะ ความร้อนเกิดขึ้นจากการใช้งานทำให้ต้องระบายความร้อนอยู่เสมอ การบริโภคพลังงานมากกว่าจอ LCD และ LED เก็บฝุ่นและสกปรกง่ายเนื่องจากดีไซน์ที่ปิดไม่สนิท มีรังสีแผ่ออกมาเล็กน้อยที่ควรระวัง
การพิจารณาในการเลือกใช้จอ
เลือกจอ CRT ต้องคำนึงถึงพื้นที่ใช้งานและความต้องการเฉพาะทาง หากเน้นงานออกแบบหรือเกมจะเป็นตัวเลือกที่ดี แต่หากต้องการประหยัดพื้นที่และพลังงาน จอ LCD หรือ LED อาจเหมาะสมกว่า อุตสาหกรรมบางอย่างเช่น การถ่ายรูปรังสียังจำเป็นต้องใช้จอ CRT เนื่องจากความคมชัดในการแสดง ความละเอียดของภาพ
จอ CRT กับเทคโนโลยีจอภาพอื่นๆ
ความแตกต่างระหว่าง CRT และ LCD
จอ CRT คือจอภาพรุ่นเก่าที่ใช้ท่อรังสีแคโทด ฉันเคยเห็นจอเหล่านี้ในทีวีโบราณ จอ LCD ใช้เทคโนโลยีที่บางและเบากว่า ต่างกันตรงที่ LCD ใช้คริสตัลเหลว สำหรับสร้างภาพ ซึ่งช่วยให้ ips จอ LCD เป็นที่นิยมอย่างรวดเร็ว เพราะมันมีขนาดบางและประหยัดพลังงานมากขึ้น
จอ CRT เปรียบเทียบกับ LED และ OLED
ฉันรู้ว่าจอ CRT คือแบบหนักและหนา แต่มีคุณภาพสีดี ในทางกลับกัน LED และ OLED มีความทันสมัยกว่า LED ให้ภาพที่สว่างและคมชัด ในขณะที่ OLED ให้สีสดใสและดำสนิทได้ดีกว่าเลือกฟังการทำงานใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นแทน
ประสิทธิภาพการใช้งานของแต่ละประเภท
ในขณะที่จอ CRT คือยักษ์ใหญ่ในอดีต ฉันตระหนักได้ว่ามันไม่เหมาะในการพกพา จอ LCD และ LED ใช้น้ำหนักเบากว่าฉันชอบที่สนใจ แต่ถ้าคุณยังใช้จอ CRT คุณจะพอใจความคมชัด และเวลาตอบสนองที่รวดเร็ว แต่สำหรับการใช้งานทั่วไปผู้คนหันมาใช้จอเทคโนโลยีใหม่มากขึ้นสำหรับทุกๆ วัน
การใช้และความนิยมของจอ CRT ในปัจจุบัน
การใช้งานในอุตสาหกรรมเฉพาะ
จอ CRT หรือ Cathode Ray Tube ยังคงใช้ในบางอุตสาหกรรม แม้ในยุค LCD และ LED จอ CRT ถูกชื่นชมในด้านการแสดงสีที่ละเอียดและความคมชัดสูง นักถ่ายภาพในโรงพยาบาลใช้จอ CRT เพื่อความแม่นยำ การแสดงสีของ CRT ดีกว่าในบางการใช้งานเฉพาะ
ความนิยมในงานพิเศษ
ในงานออกอากาศโทรทัศน์ จอ CRT ยังมีบทบาทสำคัญ หน้าจอแบบนี้ช่วยให้เห็นสีที่สดใส และเหมาะกับการทำงานที่ต้องการสีที่มีความเที่ยงตรง เช่น การแก้ไขวิดีโอมืออาชีพ ซึ่งต้องการคุณภาพของภาพสูงและคงที่
การเก็บรักษาจอ CRT
การเก็บรักษาจอ CRT ต้องดูแลอย่างดี วางในที่แห้งและเย็นเพื่อยืดอายุการใช้งาน จอ CRT ต้องห่างจากแสงแดดโดยตรง และไม่ควรวางทับยางหรือหนังเพื่อป้องกันการกระจายความร้อน การดูแลเหล่านี้ช่วยรักษา CRT ให้ใช้งานได้ยาวนาน
จอ CRT คืออะไรและทำไมจึงเคยเป็นที่นิยม?
การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่แทนที่ CRT
จอ CRT เคยเป็นตัวเลือกหลักในอดีต จอภาพที่ผมจำได้ตอนใช้คอมพิวเตอร์เครื่องแรก ตอนนั้น CRT คือจอที่ใหญ่ หนา และมีน้ำหนักมาก มันใช้ปืนอิเล็กตรอนยิงไปที่หน้าจอฟอสฟอรัส ซึ่งภาพที่ได้มีสีสดและคมชัดมาก แต่ที่สำคัญคือจอ CRT มีเวลาในการตอบสนองที่รวดเร็ว จึงเหมาะสำหรับงานออกแบบกราฟิกหรือเล่นเกม
อย่างไรก็ตาม จอ CRT เริ่มถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยีจอใหม่ ๆ อย่างจอ LCD และ LED จอ LCD เบาและบางกว่ามาก ทั้งยังประหยัดพลังงานกว่า LCD ใช้วิธีการฉายภาพจากการเปลี่ยนแปลงสถานะผลึกเหลว (Liquid Crystal Display) จึงไม่ต้องใช้ปืนอิเล็กตรอน
LED นั้นปรับปรุงจาก LCD โดยใช้การจัดแสงด้วยหลอด LED (Light Emitting Diodes) ข้อดีคือสีสันชัดเจนกว่า ความสว่างสูงกว่า การบริโภคพลังงานน้อยกว่าทั้งหมดนี้ทำให้ CRT เริ่มเป็นอดีตไป อุปกรณ์ใหม่ที่มีความสามารถมากกว่า กำลังเข้ามาแทนที่
ทิศทางแนวโน้มในอนาคต
แนวโน้มในอนาคตของเทคโนโลยีจอภาพอาจจะนิยมจอ OLED (Organic Light Emitting Diodes) และ QLED (Quantum-dot Light Emitting Diodes) จอ OLED นั้นมีสีสันสดใสและสามารถสร้างภาพเคลื่อนไหวได้เร็ว ด้วยความบางเบาและมีความยืดหยุ่นในการออกแบบ จึงทำให้จอดัดหรือโค้งได้
อีกทางเลือกคือจอ QLED ที่นำความสามารถ quantum dots มาใช้ มันสามารถสร้างสีได้แม่นยำยิ่งขึ้นและมีความสว่างสูง จึงเป็นที่น่าสนใจในตลาด
ทั้งนี้ เทคโนโลยีเหล่านี้กำลังก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แต่ถึงอย่างนั้น CRT ยังมีบทบาทในบางอุตสาหกรรม เช่น การแพทย์ เนื่องจากมันยังมีจุดเด่นบางอย่างที่เทคโนโลยีใหม่ยังสู้ไม่ได้
องค์ประกอบที่สำคัญสำหรับการเลือกจอภาพในอนาคต
การเลือกจอภาพต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย ผมแนะนำให้ดูคุณภาพของสี ความคมชัดของภาพ และการตอบสนองที่รวดเร็ว หากต้องการจอสำหรับเล่นเกม การตอบสนองนั้นสำคัญมาก ส่วนการทำงานกราฟิกก็ควรให้ความสำคัญกับความคมชัดและสีสันในการแสดงผล
อีกทั้งน้ำหนักและการประหยัดพลังงานก็สำคัญเช่นกัน ขนาดและดีไซน์ควรเข้ากับการใช้งานและพื้นที่บ้านเรา เลือกจอที่เหมาะกับงานและงบประมาณที่สุดครับ
สรุปจอ crt คือ
จอ CRT คือ เทคโนโลยีจอภาพที่มีประวัติยาวนานและเคยเป็นที่นิยมอย่างมาก ด้วยการแสดงภาพคมชัดและสีที่สดใส จึงเคยครองตลาดจอภาพมายาวนาน อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว ทำให้จอ CRT ถูกแทนที่ด้วยจอ LCD, LED และ OLED ที่มีประสิทธิภาพและสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่มากขึ้น แม้ว่าเทคโนโลยีจอภาพใหม่จะเข้ามาแทนที่ แต่จอ CRT ยังคงเป็นที่น่าจดจำในประวัติศาสตร์เทคโนโลยีจอภาพตลอดไป